
การประสานงาน กับทีมแพทย์,สัตวแพทย์ : การแบ่งหน้าที่ระหว่างแพทย์หรือสัตวแพทย์ และเภสัชกร

การประสานงาน กับทีมแพทย์,สัตวแพทย์ :
การแบ่งหน้าที่ระหว่างแพทย์หรือสัตวแพทย์ และเภสัชกร
ในกรณีตกลงการใช้ยา การจัดยา Stock ฯลฯ
เภสัชกรมีภารกิจหลัก 3 ส่วนในการทำงานโรงพยาบาล คือ งานบริบาลเภสัชกรรม งานการผลิต งานบริหารเวชภัณฑ์
ภารกิจทั้ง 3 ส่วนนี้ แฝงเบื้องหลัภารกิจงอยู่มากมายโดยต้องอาศัยการประสานงานกับทีมแพทย์ประจำโรงพยาบาลนั้นๆ คือ
งานบริบาลเภสัชกรรม : เมื่อแพทย์ มีคำสั่งการใช้ยา ส่งมาที่จุดจัดยา จุดเตรียมยา เภสัชกร หรือผู้ช่วยฯจะตรวจสอบคำสั่งยาดังกล่าวว่าสอดคล้องกับโรค หรืออาการที่ผู้ป่วยถูกแพทย์ระบุ หากถูกต้องก็ดำเนินการ จัดยา เตรียมยา พร้อมกับจ่ายยาให้ผู้ป่วย/ผู้รับยา อธิบาย ให้คำแนะนำการใช้ยา การเก็บรักษา (ยาบางรายการต้องมีการเก็บพิเศษ) กรณีไม่ถูกต้องหรือน่าสงสัย เภสัชกรต้องประสานแพทย์ผู้ตรวจเพื่อ แพทย์จะพิจารณาตัดสินใจ ยืนยัน หรือปรับเปลี่ยน
ทางด้านวิชาการ เนื่องจากเภสัชกรจะต้องทราบวิธีการบริหารยา ทั้งหมดที่มีไว้บริการ บางครั้งแพทย์และบุคลากรอื่น อาจต้องอาศัยสอบถาม เพื่อการใช้ที่มั่นใจทั้งจาก ขนาดวิธีใช้ที่ถูกต้อง ปลอดภัย
งานการผลิต : แพทย์มีคำสั่งการใช้ยาที่ไม่มีจำหน่าย หรือไม่มีในรายการยาโรงพยาบาล เภสัชกร จะต้องสอบถามไปยังแพทย์ ยืนยันคำสั่งใช้ยา แนวทางแรก เพื่อเสนอแนวทางการใช้ยาอื่นที่สามารถใช้ทดแทนได้ แต่หากแพทย์ยืนยันยาดังกล่าว ยาบางรายการ เภสัชกรจะต้องเป็นผู้ปรุง/ผลิตให้ยาเฉพาะรายแบบ case by case ส่วนใหญ่จะเป็นยาที่มีจำหน่ายความแรง หรือชนิด( ชนิดในที่นี้ คือ ยาเม็ด ยาน้ำ ยาครีม เป็นต้น)ไม่ตรงกับที่แพทย์ต้องการใช้
งานบริหารเวชภัณฑ์ : ทุกสิ้นปี หรือสิ้นงวดปีงบประมาณ หรือทุกงวดในการจัดทำแผนจัดซื้อยา จะต้องมีการประชุม คัดเลือก รายการยาที่จะนำมาใช้บริการผู้ป่วยใน โรงพยาบาล การประชุมนี้บังคับให้ต้องมี แพทย์ เภสัชกร ต้องเข้าร่วมประชุม เพื่อเป็นแกนหลักในการคัดเลือกรายการยาใหม่ หรือจะตัดยาบางรายการออก จากบัญชีการใช้ของ โรงพยาบาล จากสาเหตุ ยาชนิดเก่า ไม่มีแพทย์ท่านใดใช้ ,ความไม่ชำนาญ ไม่รู้จัก เป็นต้น โดยใช้หลักการทางวิชาการในการเปรียบเทียบบาใหม่และยาเดิมที่มีใช้ใน โรงพยาบาล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ เหมาะสม คุ้มค่า ตามบริบทของแต่ละโรงพยาบาล นั่นเป็นที่มาว่าเหตุใดทุกโรงพยาบาลจึงมีรายการยาสำหรับบริการผู้ป่วยไม่เหมือนกันทุกรายการ
การประสานงานสัตวแพทย์ เภสัชกรในการดูแลการใช้ยา
ความสำคัญของการประสานงาน
การประสานงานระหว่างสัตวแพทย์และเภสัชกรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลการใช้ยาในสัตว์ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีบทบาทที่แตกต่างกันแต่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้:
* สัตวแพทย์: เป็นผู้วินิจฉัยโรคและสั่งจ่ายยาให้กับสัตว์ โดยพิจารณาจากอาการและประวัติของสัตว์
* เภสัชกร: เป็นผู้ควบคุมการจ่ายยา ตรวจสอบความถูกต้องของยาที่สั่งจ่าย และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาแก่สัตว์แพทย์และเจ้าของสัตว์
ประโยชน์ที่ได้จากการประสานงาน
* เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา: การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสัตวแพทย์และเภสัชกร ทำให้สามารถเลือกยาที่เหมาะสมกับสัตว์แต่ละตัวได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากยา และเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคได้สำเร็จ
* ลดความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาด: การตรวจสอบยาที่สั่งจ่ายโดยเภสัชกร ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดในการจ่ายยา เช่น การจ่ายยาผิดชนิด ผิดขนาด หรือผิดวิธีการใช้
ขอบเขตของการประสานงาน(เฉพาะยาคนที่นำมาใช้ในสัตว์)
* การเลือกยา: สัตวแพทย์และเภสัชกรร่วมกันพิจารณาเลือกยาที่เหมาะสมกับชนิดของสัตว์ โรคที่เป็น และสภาพร่างกายของสัตว์
* การปรับขนาดยา: เภสัชกรอาจแนะนำให้ปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับน้ำหนักและสภาพร่างกายของสัตว์แต่ละตัว
* การเตรียมยา: เภสัชกรอาจต้องเตรียมยาในรูปแบบพิเศษ เช่น ยาผสม หรือยาแคปซูลขนาดเล็ก เพื่อให้สัตว์สามารถรับประทานได้ง่าย
* การให้คำแนะนำ: เภสัชกรให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ยา วิธีการเก็บรักษายา และอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์ แก่เจ้าของ
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : ข้อปฏิบัติการควบคุมการใช้ยาสัตว์ ตาม พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๒ (ภาคผนวก ก )ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒
มีการกำหนดนิยาม ของการควบคุมการใช้ยาสัตว์ คัดมาเฉพาะที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ
ก.2 สัตว์แพทย์ และผู้ได้รับมอบหมาย
ก.2.1 หน้าที่ความรับผิดชอบของสัตวแพทย์
ก.2.1.1 ตรวจวินิจฉัยป้องกัน และรักษาโรคสัตว์
ก 2.1.2 ต้องรับผิดชอบในการให้ความเห็น การชันสูตรวินิจฉัย การสั่งการรักษา และการใช้ยาฌฉพาะต่อโรค แก้ผู้ได้รับมอบหมาย และพึงระวังถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ยาสัตว์ ภายใต้การควบคุมโดยตรงของสัตวแพทย์
ก 2.1.3 ต้องให้คำแนะนำที่ชัดเจนแก่ผู้ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับขนาดการใช้ วิธีใช้ การคำนวณ รวมถึงการผสมอย่างเหมาสม และการเฝ้าระยะเวลาหยุดยา
ก .2.2 หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ได้รับมอบหมาย
ก.2.2.1 ต้องทำหน้าที่ในการใช้ยาสัตว์ที่ถูกต้องและจัดทำบันทึกการใช้ยาสัตว์ตามคำแนะนำ และ/หรือใบสั่งยาจากสัตวแพทย์
ก.2.2.2 ต้องได้รับคำแนะนำชัดเจนเกี่ยวกับขนาดการใช้ วิธีใช้ การคำนวณ รวมถึงการผสมอย่างเหมาสม และการเฝ้าระยะเวลาหยุดยา
จาก ภาคผนวก พ.ร.บ.ฉบับข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ผู้ช่วยสัตวแพทย์ หรือเภสัชกร สามารถช่วยทำแทนสัตวแพทย์ในส่วนเติมเต็มใน งานเภสัชกรรมได้ หากมีการฝึกสอนและมอบหมาย ตั้งแต่ส่วน จัดยา จ่ายยา บริหารยา และทวนถามกรณีมีคำสั่งยาที่ผิดปกติ เฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา หลังให้ยา จดบันทึกข้อมูลที่ได้รับมอบหมาย (งานพยาบาล) แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์ และมีการมอบหมายหน้าที่ผู้รับผิดชอบชัดเจน การทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่ายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ลดความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาด และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยาในสัตว์
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ สัตวแพทย์