การฝึกอบรมบุคลากร ผู้ช่วยเภสัชกร สู่ผู้ช่วยสัตวแพทย์ด้านงานเภสัชกรรม

การประสานงาน กับทีมแพทย์,สัตวแพทย์ :

การฝีกอบรมพนักงาน คือรากฐานความสำเร็จของบริษัทชั้นนำทั่วโลก เพราะจะช่วยเพิ่มทักษะให้พนักงาน และช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแรงขึ้น ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรโดยตรง แนวทางในการฝึกอบรมบุคลากรในการทำงานด้านเภสัชกรรมในโรงพยาบาลทั่วไป จึงสามารถนำมาใช้ในการฝึกบุคลากร(ผู้ช่วยสัตวแพทย์)ได้ และส่งผลดีต่อองค์กรมีแนวทางดังต่อไปนี้
• สร้างคู่มือการปฏิบัติงาน( Work Manual ) การสร้างคู่มือการปฏิบัติในการทำงานเมื่อรับ พนักงานใหม่ แยกจาก ปฏิบัติคู่มือการทำงานปกติ แยกเฉพาะ เนื่องจากพนักงานปกติมีประสิทธิภาพในการทำงานต่างกัน ทั้งในด้าน ทักษะ และประสบการณ์
• การคัดเลือกผู้สอน การคัดเลือกผู้สอน หรือผู้อบรมที่เหมาะสม ควรมีการกำหนดผู้สอน ให้ชัดเจน และเหมาะสมเป็นสิ่งที่ห้ามมองข้ามเพราะผู้สอนต้องมีความชำนาญในงานครบทุกด้านที่เราต้องการ และต้องได้รับการยอมรับจากองค์กรโดยส่วนใหญ่นิยม คัดเลือกจาก หัวหน้างาน และเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะในบางเรื่องที่โดดเด่น
• กระบวนการประเมินผล การฝึกอบรม กระบวนการอบรมพนักงานใหม่แทบจะไม่มีความหมายเลยถ้าองค์กรไม่มีการประเมินผลพนักงานใหม่หลังได้รับการฝึกอบรมทักษะตามแผนที่องค์กรกำหนดครบถ้วนแล้ว ซึ่งไม่ต่างจากการเรียนมหาวิทยาลัยที่ไร้การสอบ โดยการประเมินควรมีรูปแบบการประเมินชัดเจน มีแรงจูงใจให้กับทั้ง ผู้สอน และผู้รับการประเมิน เช่น มีผลต่อ เงินเดือน โบนัส เป็นต้น สำหรับกระบวนการในประเมินผล การฝึกอบรมฯ จะต้องอาศัย แบบ check list จากทักษะที่ต้องกำหนดขึ้นอิงกับ ระเบียบปฏิบัติในการทำงาน ในข้อแรก อาจระบุ การประเมินเป็นร้อยละในแต่ละทักษะ แล้วหาค่าเฉลี่ย หรือ ระบุเพียงผ่าน และไม่ผ่าน รายข้อ แล้วจึงประเมินสรุปรวมในตอนท้าย เพื่อพิจารณา จ้างต่อ หรือทำแผนฝึกอบรมเพิ่มในส่วนที่ขาดต่อไป
• การสร้าง แบบ check list การฝึกอบรมพนักงานใหม่ ต้องมีการวางแผนว่ามีงานใดบ้างที่เราต้องการจะมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ใหม่รับผิดชอบ และภารกิจนั้นต้องทักษะใดบ้าง ในแต่ละภารกิจ สามารถอิงได้จาก ระเบียบการปฏิบัติในข้อแรกในการประเมินครั้งแรก( หากมีการต่อสัญญาจ้าง จึงมีการเพิ่ม check list ให้เทียบเท่าเจ้าหน้าที่ทั่วไป) ในบริบทของการทำ check list ในการอบรมเพิ่มทักษะให้กับ ผู้ช่วยสัตวแพทย์ด้านเภสัชกรรม จะครอบคลุมภารกิจงานบริการเภสัชกรรม งานผลิต และงานคลังยา ที่ขอแนะนำมีดังนี้

• 4.1 การฝึกจำ และจับคู่ชื่อยา ชนิดของยา รูปแบบยา(ยาน้ำ ยาฉีด ยาเม็ด ยาครีม ฯลฯ) ที่มีบริการทั้งหมดทุกรายการที่ ทีมสัตวแพทย์ คัดเลือกไว้เพื่อให้ ผู้ช่วยได้ช่วยตามโอกาสที่เหมาะสม
• 4.2 การฝึกทักษะ การจัดยา โดยสามารถจดจำตำแหน่งการเก็บยา การหยิบยาชนิดพิเศษ ขนาดของ packing ของยาแต่ละชนิด เศษของยาแผงจดการอย่างไร การกำจัดยาสัตว์ที่เหลือใช้ เป็นต้น
• 4.3 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพยา เมื่อส่งมอบให้ผู้บริการ ยาบางชนิดต้องใส่ซองกันแสง ยาบางชนิดต้องแช่เย็น ความรู้ในข้อนี้นำมาใช้ในการฝึกงานคลังยาด้วย
• 4.4 การฝึกทักษะงานคลัง การปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติในงานคลังยา, การถูกต้องการเบิกยา ตรงกับstock card และการตรวจนับยอดยาคงคลังตามงวดแผนงานเพื่อควบคุมคลังยา(ทุกวัน,ทุกสัปดาห์,ทุกเดือน ทุกปี) ในหัวข้อนี้จะมีหัวข้อให้เลือกจำนวนมากขึ้นกับนโยบายองค์กร และหัวข้อนี้จะเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบของบุคลากร เป็นหลัก
• 4.5 หน้าที่เก็บบันทึกประวัติการใช้ยาสัตว์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาสัตว์ ทั้งในและนอกเวลาพิเศษ 4.6 ความสามารถอื่นๆ ที่องค์กรต้องการ และเกี่ยวกับงานเภสัชกรรมและได้รับการพิจารณาจากทีมสัตวแพทย์โรงพยาบาลแล้ว เช่น การผสมยา การแบ่งบรรจุยา การผสมยาในอาหารสัตว์ เป็นต้น ขึ้นกับบริบทองค์กร

(อ้างอิงจาก Thai Animal Hospital Standards and Accreditation (TAHSA) ในบท Diagnostic and Pharmacy)
รูปแบบการฝึกอบรม
* การอบรมภายในองค์กร: จัดโดยเภสัชกรประจำหน่วยงาน หรือเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้
* การอบรมภายนอกองค์กร: เช่น การเข้าร่วมสัมมนา หรืออบรมหลักสูตรต่างๆ ที่จัดโดยสมาคมเภสัชกรรม หรือสถาบันการศึกษา
* การเรียนรู้ด้วยตนเอง: การอ่านหนังสือ วารสาร หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพที่ต้องการ

•Action plan เมื่อประเมินผลการอบรมเจ้าหน้าที่ใหม่(ผู้ช่วยสัตวแพทย์) แล้ว แน่นอนว่าไม่มีองค์กรใดจะฝึกบุคลากรใหม่ให้มีทักษะได้เต็มร้อย ครบทุกหัวข้อ และทุกคน ขั้นตอนสุดท้ายนี้คือการนำส่วนขาด ที่ผู้เข้าอบรมไม่ผ่าน หรือทักษะในข้อที่ยังได้คะแนนไม่เต็มร้อยมาทำ Action plan ในการเพิ่มทักษะในข้อที่ขาด/ไม่สมบูรณ์100% หลายครั้งในองค์กร เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่าง หัวหน้างาน ผู้ประเมิน ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ไม่เคยหาหลักประเมินแบบเป็นรูปธรรมหลักการข้างต้นนี้นำไปใช้ได้ด้วยนะครับ เสียดายหัวหน้างานบางท่านทำงานเก่งมาก แต่บริหารคนไม่เป็นในข้อนี้ สุดท้าย หัวหน้าถูกกดดันจากลูกน้อง พอมีเรื่องอื่นเพิ่มมาสมทบก็ทนไม่ไหว (จากงาน ลูกน้อง เจ้านาย) ก็ลาออกไป ขึ้นกับว่าใครจะทนกว่ากัน เป็นมุมมองที่น่าเสียดายมากนะครับ ดังนั้นการเพิ่มทักษะ/การฝึกอบรมให้ผู้ช่วยสัตวแพทย์จะช่วยลดความกดดันการบริหารคน และช่วยงานให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น ลดงาน/ ลดปัญหาการทดแทน(เวลาคนลา), ไม่ต้องเพิ่มบุคลากร, ลดการสูญเสียต่างๆลงได้

ส่วนท้ายบท
Skill Matrix คือ ตารางบริหารทักษะในการทำงานเป็นตารางที่บ่งบอกว่าพนักงานแต่ละคนทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ละงานได้ระดับไหน ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดทักษะที่จำเป็นต้องมี เพื่อยืนยันว่าการทำงานที่เกิดขึ้นจะได้ผลสอดคล้องต่อข้อกำหนดของงานที่ดีมีมาตรฐานและยังทำให้ พนักงานทำงานได้หลายหน้าที่อีกด้วย KPI (Key Performance Index) คือ ดัชนีชี้วัดผลงาน หรือความสำเร็จของงานโดยเป็นการเทียบกับผลงานการทำงานกับมาตรฐานหรือเป้าหมายที่ตกลงกันไว้ สามารถประเมินได้ตั้งแต่ระดับบุคคล จนถึงหน่วยงาน และประเมินความก้าวหน้าขององค์กรเพื่อนำไปหาจุดปรับปรุงต่อไป

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
Review Your Cart
0
Add Coupon Code
Subtotal

 
Scroll to Top